Thursday, March 3, 2011

Nicolas Jaar - Space Is Only Noise

ผมซื้อมาจากเว็บหนึ่งที่โพสต์ราคาขายไว้ที่ 350 บาท ซึ่งถูกสุดหากเปรียบเทียบกับเว็บอื่น ๆ ก็เลยตัดสินใจซื้อ ปรากฎว่าโดนชาร์ตเพิ่มอีกประมาณ 70 บาท [เดาว่าโดนเรื่องค่าโอนเงินข้ามประเทศ] รวมแล้วเบ็ดเสร็จก็ 420 บาท กลับแพงกว่าเว็บอื่น ๆ อีก หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับเว็บนั้นต่อไปอีกเลย

อัลบัมนี้อยู่ในไอพอดผมร่วม 15 วัน เป็นอัลบัมที่ผมใช้ความอดทนในการฟังมากที่สุดอัลบัมหนึ่งเลยทีเดียว และแทบจะล้มเลิกความตั้งใจที่จะฟังให้ครบทุกเพลงไปหลายรอบแล้ว ยอมรับว่าฟังครั้งแรกก็รู้สึกอึ้งและตะโกนด่าในใจว่า "What the F***" ไปหลายรอบ แล้วก็บ่นกับเพื่อนบางท่านว่า นี่คือผลงานเพลงหรือ? ใช่ดนตรีหรอ? You name it...

จนมาในอาทิตย์นี้แหล่ะที่ผมได้รวบรวมสมาธิเพื่อฟังอัลบัมนี้อีกครั้ง จะด้วยสาเหตุที่สัปดาห์นี้ไม่มีอัลบัมออกใหม่ที่น่าสนใจหรือป่าวไม่รู้ ผมเลยมีเวลาให้กับ Space Is Only Noise มากที่สุดในอาทิตย์นี้


ก่อนจะพูดในรายละเอียดของอัลบัมชุดนี้ เรามาทำความรู้จักกับ Nicolas Jaar กันสักนิด Jaar ปัจจุบันอายุ 21 ปี มีเชื้อสายชิลีแต่เกิดที่นิวยอร์ค แล้วก็กลับไปโตที่ประเทศชีลิ จนกระทั่งกลับมาอยู่ที่นิวยอร์คอีกครั้งตอนเป็นวัยรุ่นนี่แหล่ะ ปัจจุบันเขาก็เรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อ Brown University เขาเริ่มทำดนตรีตั้งแต่อายุ 14 ปี เริ่มมือชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในแวดวงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาจากอีพีและซิงเกิ้ลที่เขาทะยอยปล่อยออกมา Space Is Only Noise ถือเป็นอัลบัมเดบิวของเขา วางขายเมื่อ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา


อัลบัมชุดนี้มี 14 เพลง ทุกเพลงในอัลบัมมีจังหว่ะที่ช้าถึงช้ามาก Tempo น่าจะอยู่ระหว่าง 90-110 bpm Jaar นำเสียง Sample ที่หลากหลายใส่เข้าในในเพลงของเขา อย่างเสียงคลื่นน้ำกระทบฝั่ง เสียงผู้ชาย เสียงเด็กซึ่งพบได้ในเพลง "Etre 1" ทั้ง ๆ ที่มีแค่เปียโนเป็นเครื่องดนตรีหลักในเพลง แต่ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อผสมกับ Sample แล้วจะทำให้เพลงเกิดเสน่ห์น่าฟังและไม่เหมือนใครจริง ๆ ขณะที่ "Colomb" เสียงคีย์บอร์ดนุ่ม ๆ กับเสียงร้องผู้หญิงในแนวดนตรีบลูส์ที่สร้างอารมณ์สนทรีย์อย่างมากให้กับเพลง หรือ "Keep Me There" เริ่มต้นด้วยเสียงฮัมเพลงทุ้ม ๆ นุ่ม ๆ เป็นจังหว่ะช้า ๆ มีเสียงกระแสน้ำไหลสอดแทรกเป็นบางช่วงในเพลง เพลงเดินไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งเสียงแซ็กโซโฟนเริ่มโผล่มาในตอนท้าย เกิดกลิ่นอายดนตรีแจ๊สนิด ๆ ถือเป็นเพลงที่มีรายละเอียดเยอะพอสมควร อีกแทร็ค "Too Many Kids Finding Rain in the Dust" ที่ซาวนด์ให้กลิ่นอายดนตรีวอลซ์ ได้กีตาร์และเครื่องสายเป็นตัวชูโรง เสียงเบสช้า ๆ นุ่ม ๆ ฟังแล้วรู้สึกถึงความเซ็กซี่ อีกเพลงที่ Jaar หยิบเอาเสียงร้องของ Ray Charles จากเพลง "I Got A Woman" มาดับบ์ใหม่เพิ่มเสียงสวย ๆ ของเปียโน หยิบเอา Sample เสียงผู้ชายพูดเป็นภาษาฝรั่งเศสมาใส่ในช่วงกลางเพลง เป็นอีกเพลงที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ

เป็นชิ้นงานดนตรีที่มีซาวนด์อิเล็กทรอนิกไล่ตั้งแต่โพสต์ดับสเต็ป [ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงงานเพลงของ James Blake] ดาวน์เทมโป ดีฟเฮ้าส์ มินิมอล แอมเบี้ยนท์ คล้ายจะเป็นแนวดนตรีเต้นรำ แต่ใช้เต้นรำไม่ได้ คล้ายจะนำไปเปิดในคลับได้ แต่เหมาะสำหรับฟังผ่าน Headphone มากกว่า เพราะอัลบัมมีความเป็นส่วนตัวสูง มีรายละเอียดในตัวเอง ฟังแล้วราวกับว่าอัลบัมนี้มีอารมณ์ความรู้สึกในตัวของมันเอง [น่าจะมาจากเสียง Sample ต่าง ๆ และอารมณ์เพลงที่ช้า ๆ เนิบนาบ เบสนุ่ม ๆ] ผมขออนุญาตไม่เอาบางเพลงมาวางไว้ให้ทดลองฟังนะครับ เพราะอัลบัมนี้ควรฟังทั้งอัลบัมต่อเนื่องกันในแต่ละเพลงเพื่อสุนทรียภาพในการฟัง และอาจต้องใช้เวลาไม่น้อยทีเดียวที่จะคุ้นเคยจนหลงรักอัลบัมนี้ในที่สุด 9.5 คะแนนครับ