Cloud Nothings เป็นวงดนตรีแนว Power Pop, Post Punk, Lo-fi ที่ประกอบด้วย Dylan Baldi, TJ Duke, Jayson Gerycz และ Joe Boyer แต่โดยทั่วไปเมื่อพูดถึง Cloud Nothings คนส่วนใหญ่ก็จะนึงถึงเฉพาะ Dylan Baldi เท่านั้น เหมือนเวลาพูดถึง Wavves คนส่วนใหญ่ก็จะนึกถึง Nathan Williams อะไรทำนองนั้นแหล่ะ เพราะ Dylan เป็นเหมือนมันสมองทั้งหมดของ Cloud Nothings งั้นเวลาเขียนถึง Cloud Nothings ก็ให้พวกเรานึกถึง Dylan นะคร๊าบบบ
Dylan เป็นเด็กหนุ่มอายุ 19 ปี จากคลีฟแลนด์,โอไอโอ, สหรัฐ เขาใช้ห้องใต้ดินในบ้านพ่อแม่ทำดนตรี หลัก ๆ ใช้กีตาร์ไฟฟ้ากับซอร์ฟแวร์ดนตรีในโน๊ตบุ๊คในการบันทึกเสียง จนได้ชิ้นงานออกมาในแบบเทปคลาสเซ็ทเป็นงานแบบ Compilation ใช้ชื่อว่า "Turning On" มีจำนวน 8 แทร็ก ซึ่งในนี้ก็รวม "Hey Cool Kid" เพลงที่สร้างชื่อให้กับเขาด้วย เมื่อเทปขายหมด เขาก็บันทึกลง CD-R ออกมาขาย แล้วก็พัฒนาเรื่อย ๆ จนทำเป็นแผ่นไวนอลและเพิ่มเพลงทั้งหมดเป็น 13 แทร็ค ร่วมทั้งปล่อยอีพีและซิงเกิ้ลต่าง ๆ ตามมา หลังจากเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้สึกในแวดวงอินดี้ Dylan ก็ตัดสินใจดร๊อปเรียนที่มหาลัย แล้วใช้เวลาทั้งหมดทำดนตรีและตระเวนทัวร์ตามที่ต่าง ๆ ในเวลาเดียวกัน
เพิ่งปล่อย Compilation ไปเมื่อปลายปีหยก ๆ Dylan ก็ไม่รอช้าที่จะปล่อยอัลบัมเดบิวชื่อเดียวกับวง "Cloud Nothings" ออกมาทันทีเมื่อ ม.ค. ที่ผ่านมา อัลบัมนี้ Dylan ได้เปลี่ยนสถานที่บันทึกเสียงจากห้องใต้ดินเป็นสตูดิโอที่ได้มาตรฐาน ไตเติ้ลอัลบัมนี้มีทั้งหมด 11 แทร็ค เป็นชิ้นงานที่แสดงถึงการพัฒนาการที่เพิ่มมากขึ้นในด้านดนตรีของ Dylan เมื่อเทียบกับ "Turning Out" ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องที่ชัดเจนขึ้น เคลียร์ขึ้น และหลากหลายสไตล์ขึ้น อย่างในเพลง "Not Important" Dylan ร้องในลักษณะกระชากเสียง ฟังแล้วคล้ายงานพังค์ของ Buzzcock ได้ซาวนด์ที่ดิบและสด ฟังแล้วโคตรแนวสุด ๆ ขณะที่ภาคดนตรีนั้นได้มาพร้อมกับเมโลดี้ที่น่าฟังและติดหูมากยิ่งขึ้น มีซาวนด์กีตาร์ที่แพรวพราว ท่อนฮุกสุดเจ๋ง ฟังแล้วสนุกสนาน แต่ละเพลงมีความเป็นกรู๊ฟเป็นอย่างดี ลองฟัง "Should Have" สิ เพลงนี้ทั้งเสียงร้องและท่อนฮุกของกีตาร์มันลงตัวและเจ๋งไปหมด ไม่แปลกใจเลยที่ถูกเอามาทำเป็นเอ็มวี หรืออินโทรด้วยซาวดน์กีตาร์เนียน ๆ อย่างในเพลง "Forget You All The Time" เพลงที่มีจังหว่ะช้าลงมาหน่อย เพิ่มความเป็นบัลลาดและมีเมโลดี้มากขึ้นด้วยเสียงที่เพริศแพร้วของกีตาร์ ตัว Dylan เองก็ร้องออกมาด้วยความรู้สึกที่มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม "Been Through" ซาวนด์ที่มีรายละเอียดขึ้นมาหน่อย มีการเปลี่ยนจังหว่ะไปมา รวมทั้งเสียงร้องที่หวานขึ้นของ Dylan เพลงนี้น่าถูกเอามาตัดเป็นซิงเกิ้ลหรือเอ็มวีได้ไม่ยาก... 8.5 เย้+++
