โอเค! ได้เวลาละที่จะรีวิว "Let England Shake" งานลำดับที่ 8 ของ Polly Jean Harvey เสียที ผมซื้ออัลบัมนี้มาฟังได้สักพักแล้ว แต่อยากใช้เวลาฟังและศึกษาความเป็นมาของงานชิ้นนี้ให้ดีก่อน
PJ Harvey ใช้เวลาทำอัลบัมนี้กว่า 2 ปีครึ่ง ใช้โบสถ์แห่งหนึ่งในอังกฤษเป็นสถานที่บันทึกเสียง เธอเล่าว่า ในงานชุดนี้เธอเริ่มเขียนเนื้อเพลงก่อนทำนอง ได้รับอิทธิพลจากบทกวีของ Harold Pinter, T.S.Eliot รวมทั้งภาพงานศิลปะต่าง ๆ และงานดนตรีของวงอย่าง The Doors, The Pogues และ The Velvet Underground ในเวลาเดียวกันก็ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ในสงครามกลางเมืองและสงครามระหว่างประเทศ นอกจากนี้ เธอยังเรียนรู้วิธีการเล่นเครื่องดนตรี Autoharp เพื่อนำมาใช้ในอัลบัมนี้อีกด้วย มีการทดลองซาวนด์แปลก ๆ ใหม่ ๆ ของกีตาร์ และการเขียนเนื้อเพลงในรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากงานชิ้นเดิม ๆ ของเธอ
Let England Shake วางแผง 14 ก.พ. มีทั้งหมด 12 เพลง เปิดอัลบัมด้วยเพลง Let England Shake เพลงที่ Harvey นำเครื่องดนตรี Autoharp มาเล่นด้วย เพลงแรกก็เสียดสีประเทศของตัวเองทันที "The West's asleep. Let England shake, weighted down with silent dead. I fear our blood won't rise again..." จะด้วยเหตุบังเอิญหรือเจตนาก็ตาม เสียงร้องของเธอมีส่วนคล้าย Kate Bush นิด ๆ นะ ใครที่เคยชินแต่กับซาวนด์ของดนตรีอินดี้ร็อครุ่นใหม่ เพลงนี้ฟังช่วงแรกอาจจะเฉย ๆ ถึงขั้นไม่ชอบก็ได้ แต่หากใช้เวลาฟังสักหน่อย รับรองว่าจะเปลี่ยนใจและหันกลับมารักในท้ายที่สุด :-]
หลังต่อว่าประเทศตัวเองไปแล้ว ยังแอบกัดเพื่อนบ้านในยุโรปอีกในเพลง The Last Living Rose - "Goddamn' Europeans! Take me back to beautiful England..." เสียงร้องและเมโลดี้เพลงช่วงตั้งแต่ "Let me watch night fall on the rive, the moon rise up and turn to silver..." เพราะติดหูและหวานสุด ๆ เพลงนี้ทำให้ผมนึกถึงบางเพลงของ Feist ขึ้นมานะ
แน่นอนถ้าพูดถึงสงคราม จะไม่ให้พาดพิงถึงอเมริกาก็ยังไงอยู่ "Oh, America. Oh, England. How is our glorious country sown? Not with wheat and corn." มีในเพลง The Glorious Land หรือองค์การสหประชาชาติก็คงหลีกเลี่ยงไม่พ้นนะ "What if I take my problem to United Nations?" พบได้ในเพลง The Words That Maketh Murder ที่เครื่องดนตรี Autoharp มีซาวนด์ที่โดดเด่นอีกเพลง ควบคู่กับจังหว่ะร็อคแอนด์โรลล์อย่างกลมกลืน สงครามย่อมคู่กับความตายเสมอซึ่งเพลง All & Everyone ได้พูดถึงความตายจากสงครามอย่างตรงไปตรงมา เสียงออร์แกนทำให้เพลงนี้เกิดอารมณ์เหงาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
สไตล์การร้องของ Harvey ในเพลง On Battleship Hill คล้าย Joanna Newsom มาก แต่ได้เสียงกีตาร์โปร่ง กลองและเพอร์คัสชั่นมาช่วย ทำให้เพลงมีจังหว่ะและเมโลดี้ที่แตกต่างออกไป
England เพลงที่มีซาวนด์อคูสติกกีตาร์ บวกเสียงร้อง Backing ไปทางตะวันออกกลาง ดู Harvey น่าจะผิดหวังกับประเทศตัวเองจนถึงกับร้องออกมาว่า "I live and die through England, through England. It leaves a sadness"
Bitter Branches เพลงที่มีความเป็นร็อคขึ้นมาหน่อยด้วยเสียงสับคอร์ดของกีตาร์เจ๋ง ๆ เป็นเพลงที่พูดถึงทหารกำลังลาภรรยาของพวกเขาเพื่อไปสงคราม
Hanging In The Wire เสียงเปียโนเพราะ ๆ Harvey ร้องไม่เต็มเสียงแต่กระซิบเบา ๆ ยิ่งทำให้เพลงมีอารมณ์ล่องลอย เบาหวิวและชวนฝันทีเดียว
เสียง Glittering ของกีตาร์และนำแซมเปิ้ลเพลงสไตล์เรกเก้มาทำเป็น Backing vocal ใน Written on the Forehead ทำให้คล้ายงานแบบเวิร์ลมิวสิคยังไงยังงั้นเลย ซาวนด์โดยรวมทำออกมาแล้วติดหู แถมได้ความแปลกใหม่อีกต่างหาก
ปิดท้ายด้วยแทร็คที่ 12 The Colour of the Earth ได้ John Parish มาช่วยร้อง เป็นงานโฟร์คฟังง่าย ๆ แต่เนื้อหาเพลงค่อนข้างเศร้า พูดเกี่ยวกับทหารที่ตายในสงคราม
เป็นอัลบัมที่พูดถึงการเมือง สงคราม และความตาย นอกจากเครื่องดนตรีหลักแล้ว Harvey ยังนำเครื่องดนตรีประเภทอื่น ๆ มาเล่นในอัลบัมนี้ด้วย อาทิ Autoharp, หีบเพลงปาก [Bass Harmonica], แซกโซโฟน, ระนาดฝรั่ง [Xylophone] ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เราไม่ค่อยได้พบจากงานดนตรีในยุคปัจจุบันเท่าไร เสียงร้องของ Harvey อาจจะคล้าย Kate Bush, Bjork, Joanna Newsom หรือ Feist บ้าง แต่ก็ยังคงความเป็นแบบฉบับของ Harvey ไว้ได้ เป็นชิ้นงานที่ให้ความหลากหลายในซาวนด์ แต่สามารถรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ด้วยเนื้อหาของเพลงซึ่งถือเป็นส่วนที่ทรงพลังอย่างมากในอัลบัมนี้ ผมมั่นใจว่าอัลบัมนี้จะติด 1 ในอัลบัมยอดเยี่ยมแห่งปีของปีนี้อย่างแน่นอน เอาไปเลยครับ 9 เย้+++